เส้นทางเทรคเนปาลที่ทั้งคนไทยและคนต่างชาตินิยมกันมากมักจะเป็นเส้น ABC (Annapurna Base Camp) หรือ EBC (Everest Base Camp) หรือเส้นทางพูนฮิลที่จะขึ้นไปชมแนวเขาอันนาปูรณะแบบ 360 องศา แต่ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่มีความสวยงามไม่แพ้กัน แต่กลับถูกพูดถึงน้อยและยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก คือเส้นทางเทรค ณ หมู่บ้านลังตัง ลังตังเทรคเนปาล ในเขตอุทยานแห่งชาติลังตัง (Langtang National Park) หมู่บ้านลังตังเคยถูกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อเดือนเมษายน ปี 2015 ส่งผลให้ต้องมีการสร้างหมู่บ้านแห่งใหม่ในบริเวณใกล้เคียงทดแทน ซึ่งในเส้นลังตังเทรคจะยังคงมีร่องรอยความเสียหายตามเส้นทาง และนักท่องเที่ยวจะเห็นลานหินขนาดใหญ่มหาศาล ซึ่งนั่นเคยเป็นที่ตั้งของตัวหมู่บ้านเดิม ลังตังในวันนี้เริ่มกลับมาฟื้นฟูและคอยต้อนรับเหล่าเทรคเกอร์มาเยือนอยู่เสมอ
Langtang Valley ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลังตัง ทางภาคตะวันออกของเนปาล เป็นเส้นทางมีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุดเส้นหนึ่งที่ยังคงความสดใหม่ของธรรมชาติได้อย่างดี ต้นไม้เขียวสด ใบไม้หลากสี น้ำตกสีฟ้าใสที่ไหลมาจากภูเขาหิมะคงเป็นหลักฐานชั้นดีที่บอกความสวยงามของเส้นทางเทรคเส้นนี้ เนื่องจากยังไม่ได้รับความนิยมจากเหล่า trekker มากนัก เส้นทางนี้จึงสงบและยังเห็นวิถีชีวิตชาวบ้านตามเส้นทางที่ยังคงความเรียบง่าย เส้นทางเทรคลังตังจะผ่านหมู่บ้านต่างๆตามเส้นทางเดินที่ชาวบ้านใช้สัญจรกันจริงๆ มีทั้งทางเดินที่คดเคี้ยวไปตามไหล่เขา บันใดหิน สายน้ำเล็กๆระหว่างทาง ระหว่างเส้นทางจะมีชาวบ้านที่สัญจรไปมาและนำสัตว์เลี้ยงมาขนของขึ้นลงตามวิถีชาวบ้านบนเขา ระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะเจอทั้งพืชพรรณท้องถิ่นอย่างดอก Rhododendron หรือกุหลาบพันปี สัตว์ป่านานาชนิดที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติทั้งชะนี ลิงป่า นกสายพันธ์ท้องถิ่นสีสันสดใส และยังมีโอกาสเจอแพนด้าแดง ตัวจามรีหรือตัว Yak สัตว์ท้องถิ่นในตระกูลเดียวกับวัวและควาย (Bovidae) ที่พบเจอได้แค่เพียงไม่กี่แห่งบนโลก
ถึงแม้ลังตังเทรคเนปาล อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักนัก ถ้าเทียบกับ ABC, EBC หรือ Poon Hill แต่ความอลังการของวิว บอกเลยครับ ว่าไม่แพ้กันแน่นอน 🙂
ทำไมต้องไปลังตัง ?
หลายๆคนมักจะถามว่าลังตังเทรคเนปาลดีอย่างไร สวยอย่างไร ขอสรุปเป็นข้อๆดังนี้
- เส้นทางลังตัง นักท่องเที่ยวน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับเส้นทางอื่นๆ จึงทำให้ได้สัมผัสบรรยากาศสงบและยิ่งใหญ่ของธรรมชาติอย่างแท้จริง
- ถ้าเทียบกับ ABC ใช้เวลาเทรคน้อยกว่าและจุดสูงสุดของทริปลังตังสูงกว่า (4773 ม. จากระดับน้ำทะเล)
- เป็นเส้นทางที่มีสัตว์น้อยใหญ่มากมายทั้งแพะภูเขา ม้า ลา ควาย นก ลิงหน้าขาว ลิงหน้าดำ และตัว Yak ที่สามารถพบเจอได้เพียงบางแห่งของเนปาลเท่านั้น
- บรรยากาศของเส้นทางนี้ จะมีกลิ่นอายวัฒนธรรมทิเบตผสมผสาน ทำให้ได้เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างและน่าทึ่งกับวิถีชีวิตอันเรียบง่าย
- เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี 2015 และความจำกัดของทรัพยากรที่ทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างช้าๆ รายได้จากการพัฒนาการท่องเที่ยวทำให้ชาวบ้านท้องถิ่นสามารถฟื้นฟูและพัฒนาความเป็นอยู่ขึ้นมาได้
ยอด Lower Kyanjin Ri ณ ระดับความสูง 4400 m.
แผนการเดินทาง 10 วัน โดยย่อ
Day 1: Arrival by TG319 / Trek preparation
ออกเดินทางจากกรุงเทพด้วยสายการบินไทย -กาฎมาณฑุ แล้วเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก ในวันแรกจะมีการบรีฟเพื่อให้ผู้เดินทางเตรียมพร้อมและรับทราบถึงข้อปฎิบัติต่างๆในการเดินเทรค จากนั้นไกด์ประจำกลุ่มจะพาผู้เดินทางไปซื้อของใช้ที่ยังขาดสำหรับการเดินเทรคในถนนทาเมลและลิ้มลองอาหารพื้นเมืองเนปาล
Day 2: Deluxe Bus to Syabru Besi
จากทาเมลรถตู้พาเราออกจากโรงแรมไปยังจุดรับส่งผู้โดยสาร ที่นี่ดูวุ่นวายเล็กน้อยเพราะคนจำนวนมากที่มายืนจอแจรอขึ้นรถบัสประจำทางไปยังหมู่บ้านจุดเริ่มต้นเทรค รถออกจากท่าพาเราลัดเลาะไปตามภูเขาลูกใหญ่ลูกที่หนึ่งและลูกที่สองและพาเรามาหยุดที่หมู่บ้าน Syabru Besi ต้นทางก่อนจะเริ่มเข้าไป ณ โรงแรมลามาในวันต่อมา หมู่บ้านนี้เป็นจุดแรกที่ผู้ที่จะมาเทรคเส้นทางนี้ต้องหยุดพักก่อนเริ่มต้นเทรค หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ที่ความสูง 1450 เมตร บรรยากาศท่ามกลางหุบเขาใหญ่ที่ทำให้เราเหลือตัวเล็กนิดเดียว ณ จุดนี้โรงแรมที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกยังพอมีเนื่องจากเป็นเส้นทางที่รถสามารถสัญจรไปมาได้ สามารถหาซื้ออุปกรณ์ที่ยังขาดได้จากหมู่บ้านแห่งนี้ จากนั้นในวันรุ่งขึ้นจึงจะต่อไปยังจุดพักที่ 2 ณ หมู่บ้าน Lama Hotel
Day 3: Start Trekking Syabru Besi – Lama Hotel
เป็นวันแรกที่ผู้เดินทางจะเริ่มเดินเทรค เส้นทางในวันนี้จะเป็นเส้นทางตามเชิงเขาสลับป่า ฉากหลังเป็นวิวภูเขาหิมะอยู่ไกลๆ ระยะทางทั้งหมด 11 กิโลเมตรจะลัดเลาะไปตามแนวป่า ตามแม่น้ำ ระหว่างทางจะเจอชาวบ้านและสัตว์พาหนะที่เป็นเพื่อนร่วมทางเข้าไปยังหมู่บ้านลังตัง ลา ม้าและแพะเดินสัญจรไปมาเพื่อขนของใช้และอาหารขึ้นไปยังหมู่บ้านด้านบน ในวันนี้ผู้เดินทางจะใช้เวลาทั้งสิ้น 7-8 ชั่วโมงจึงจะมาถึงที่พักจุดแรก ณ Lama Hotel หมู่บ้านเล็กๆที่ชาวบ้านเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้เป็นที่พักสำหรับผู้มาเทรค บรรยากาศล้อมรอบด้วยป่าเขียวชอุ่ม ในตอนกลางคืนหากท้องฟ้าเปิดเปิด นักเดินทางสามารถเห็นดาวและทางช้างเผือกได้อย่างชัดเจนเป็นจุดแรก
Day 4: Lama Hotel – Langtang Village
เส้นทางวันนี้จะเป็นเส้นทางเดินเลียบไปตามน้ำตกจนถึงหมู่บ้านลังตัง ระยะทาง 13 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 7– 8 ชั่วโมง เส้นทางเดินสลับขึ้นลงตามเชิงเขากับบรรยากาศป่าเขียวชอุ่มและน้ำตก ระหว่างทางจะผ่านป่าไผ่ ป่าสน ป่าไม้พุ่ม เนินเขาและจะเห็นดอกไม้ออกดอกสีต่างๆ เกือบตลอดเส้นทาง เมื่อมาถึงหมู่บ้านลังตังจะเห็นลานหินขนาดใหญ่ ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของตัวหมู่บ้านเดิม หมู่บ้านลังตังในวันนี้ค่อยๆได้รับการพัฒนาฟื้นฟูกลับมาดังเดิม ผู้เดินทางอาจพบซากความเสียหายจากแผ่นดินไหวยังหลงเหลืออยู่เนื่องจากการฟื้นฟูเป็นไปได้อย่างช้าๆ เนื่องจากความจำกัดของทรัพยากรและแรงงาน
Day 5: Langtang Village – Kyanjin Gomba
ตื่นเช้ามาพบกับบรรยากาศหลักร้อยล้านที่จะเห็นวิวภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง ตัวโรงแรมที่พักจะตั้งอยู่กลางภูเขาขนาดใหญ่ เส้นทางวันนี้เดินประมาณ 6 กิโลเมตรไปตามทางเดินเนินเขา เส้นทางเป็นที่โล่งแจ้งระหว่างหุบเขามี โขดหินและแปลงเกษตรของชาวบ้านตามเส้นทางสลับเนินหิน ทรรศนียภาพแปลกตาและน่าทึ่ง และระหว่างทางจะพบตัว Yak หากินหญ้าตามธรรมชาติ ทั้งนี้ยังสามารถเห็นสถูปวัดพุทธที่เป็นที่สักการะของชาวบ้านระหว่างทาง จุดหมายปลายทางคือหมู่บ้าน Kyanjin Gompa ณ ความสูง 3870 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ณ จุดนี้เราสามารถเต็มอิ่มกับวิวภูเขาหิมะและหมู่บ้าน Kyanjin
Day 6: Rest Day / Hike up to Kyanjin Ri at 4773 m.
ขึ้นจุดสูงสุดของทริป ณ ยอด Kyanjin Ri ที่ความสูง 4773 เมตร เส้นทางจะเป็นเนินเขาที่ต้องใช้พละกำลังและแรงใจเพื่อขึ้นไป ณ จุดสูงสุดซึ่งจะเห็นวิวภูเขาสุดอลังการและหากท้องฟ้าเปิดจะสามารถเห็นทางช้างเผือกได้อย่างชัดเจน
Day 7: Kyanjin Gompa – Lama Hotel
เดินทางลงมายังหมู่บ้านลามะ ระยะทางยาวหน่อย แต่เส้นทางเป็นทางขาลงจึงเดินไม่ยากและรวดเร็ว ระหว่างทางจะพบสัตว์ต่างๆ ดอกไม้และพืชท้องถิ่นมากมาย
Day 8: Lama Hotel – Syabru Besi
จากหมู่บ้านลามะ เดินทางเส้นทางเดิมผ่านสะพาน บันใดหินตามทางเดินของชาวบ้าน ลงมาจนถึงหมู่บ้าน Syabru Besi
Day 9: Deluxe Bus to Kathmandu
รสบัสกลับไปยังเมืองกาฎมาณฑุ ระหว่างทางเป็นทางเส้นเดิมที่คดเคี้ยวไปตามไหล่เขาพอให้ตื่นเต้น และมาถึงย่านทาเมลในตอนบ่ายของวัน สามารถเดินหาซื้อของฝากและเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวบริเวณถนนทาเมลได้
Day 10: Flight back to Bangkok TG320
ออกเดินทางกลับมายังกรุงเทพด้วยสายการบินไทยเที่ยวบิน TG320 โดยสวัสดิภาพ
“ที่พักในเส้นทางลังตัง”
ที่พัก
ในเส้นทางลังตังที่พักระหว่างทางเป็น tea house โรงน้ำชาที่ชาวบ้านมักเปิดบ้านส่วนหนึ่งเป็นร้านอาหารและที่พักสำหรับผู้เดินทาง ที่พักส่วนใหญ่จะประกอบด้วยเตียงเดี่ยว 2-4 เตียงและมีห้องน้ำรวมแยกเป็นสัดส่วน ในบางหมู่บ้านจะมีน้ำอุ่นให้อาบ อาจไม่สะดวกสบายเท่าชีวิตในเมือง แต่ก็เป็นอีกบรรยากาศที่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรมาสัมผัส
หมู่บ้าน Kyanjin Gompa ณ ระดับความสูง 3870m.
สภาพอากาศ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเหมาะสมในการมาเทรคที่หมู่บ้านลังตังคือช่วงเดือนเมษายนและตุลาคม ช่วงเวลานี้สภาพอากาศจะไม่หนาวและไม่ร้อนจนเกินไป ในวันแรกๆของการเดินทางอากาศจะยังไม่หนาว สลับกับแดดอ่อนๆ จนเข้าวันที่สองเป็นต้นไปอากาศอาจเย็นขึ้นตามความสูงที่เพิ่มขึ้น และเมื่อเข้าสู่วันที่สามอุณหภูมิเฉลี่ยจะเริ่มลดลง จะอุ่นในตอนเที่ยงวันและจะหนาวในตอนเย็นถึงเช้า อุณหภูมิระหว่างวันอยู่ระหว่าง 20 องศาถึง -5 องศา ในช่วงเมษายนจะเป็นช่วงที่เพิ่งหมดฤดูหนาว และในช่วงตุลาคมจะเป็นช่วงเริ่มต้นของฤดูหนาว เส้นทางจึงเดินง่ายและไม่ลื่นเท่ากับในช่วงเดือนอื่นๆ
สภาพอากาศในพื้นที่สูงเช่นนี้จะคาดเดายาก เนื่องจากมักมีความแปรปรวนอยู่เสมอ แต่โดยมากอากาศในเส้นทางลังตังจะฟ้าสดใสสลับหมอก ในตอนเช้าอาจมีน้ำค้างแข็งและหิมะตกอยู่บ้างตามพื้น
ลังตังเทรคเนปาล เป็นอีกจุดหนึ่งที่แนะนำสำหรับผู้ชื่นชอบกิจกรรม outdoor ความสมบูรณ์ของธรรมชาติสองข้างทาง และภูเขาหิมะที่เป็นฉากหลังของผืนป่าทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าหนทางข้างหน้ามันจะสวยงามเพียงใดและมันทำให้เรายังประทับใจได้ตลอดมา
#Nepal #Trek
#Langtang #LangtangValley
#Nepal101 #Travel #Wanderlust101
#เที่ยวเนปาล #ทัวร์เนปาล