Nepal101
Contact Us
ทริปเทรคกิ้ง คือการเดินเขา โดยทริปของ Nepal101 จะมีการเดินเขาต่อเนื่องตั้งแต่ 4 วันถึง 16 วัน โดยในแต่ละวันจะเป็นการเดินเขาโดยใช้เวลาเฉลี่ย 5-7 ชั่วโมง วันละ 10 กว่ากิโลเมตร เส้นทางการเดินเขาจะเป็นทางราบ ทางชัน ทางลาด โดยจะเป็นทั้งทางเดินดิน บันไดหิน สะพานไม้ หรือเป็นเส้นทางเดินในป่าในบางช่วงของการเดินทาง แต่จะไม่มีการปีนป่ายที่จะต้องใช้เชือกโหน
หากคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว ถึงจะไม่เคยเทรคเลย ก็สามารถมาเดินเทรคที่เนปาลได้ ขอเพียงมีใจที่พร้อมและมีการเตรียมตัวมา โดยสิ่งที่สำคัญคือต้องเลือกเส้นทางให้เหมาะสมกับร่างกายตนเอง และต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในช่วง 2-3 เดือนก่อนออกเดินทาง
Fall Season (September – November) ช่วงปลายเดือนกันยายนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน คือช่วงที่เหมาะที่สุดในการมาเทรคที่เนปาล เป็นช่วงก่อนเข้าฤดูหนาว ส่วนมากจะฟ้าเปิด ฟ้าโปร่งในช่วงเช้า และมีโอกาสเกิดฝนบ้างเล็กน้อยในช่วงบ่ายเย็น อุณหภูมิในเมือง เฉลี่ย 25 C ในช่วงกลางวัน ถึง 15 C ในช่วงกลางคืนและอุณหภูมิบนเขาสูง ประมาณ 15 C ถึง -10 C
Spring Season (March – May) ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีดอกกุหลาบพันปีเบ่งบาน สำหรับเทรคที่มีความสูงเกิน 4,000 เมตร จะมีบางส่วนที่หิมะยังไม่ละลาย อาจจะมีโอกาสเกิดฝนในระหว่างวัน อุณหภูมิในเมือง เฉลี่ย 27 C ในช่วงกลางวัน ถึง 20 C ในช่วงกลางคืน อุณหภูมิบนเขาสูง ประมาณ 10 C ถึง -10 C
การไปเทรคกิ้งที่เนปาล เรื่องที่พัก ถือว่าสะดวกสบายกว่าเทรคประเทศอื่นๆที่ต้องนอนเต๊นท์ ผู้เดินทางจะพักแรมในเกสท์เฮ้าส์ของชาวบ้าน (Teahouse) ห้องนอน 2-4 เตียง เนื่องจากทรัพยากรบนเขาจะมีค่อนข้างจำกัด ซึ่งภายในห้องจะมีเตียง หมอน ที่วางของ แนะนำให้ผู้เดินทางนำถุงนอนมาด้วยโดยเฉพาะการเทรคช่วงที่มีอากาศหนาว ที่พักส่วนมากจะเป็นห้องน้ำรวม ซึ่งสิ่งจำเป็นที่ต้องนำไปใช้อีกอย่างสำหรับที่พักบนเขาคือรองเท้าแตะสำหรับใส่ไปเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ และใส่ภายในห้องพัก
Teahouse บางแห่งจะมีน้ำอุ่นอาบ WiFi ที่ชาร์จแบตให้บริการ แต่มีค่าใช้จ่ายต่อครั้ง ในพื้นที่สูงขึ้นไปจะยิ่งราคาสูงขึ้น
ห้องน้ำที่เนปาลมีทั้งแบบชักโครกและแบบนั่งยอง เปรียบเทียบจะสภาพคล้ายกับห้องน้ำในปั๊มต่างจังหวัดซึ่งถือว่าสภาพไม่แย่ สามารถแวะเข้าห้องน้ำระหว่างทางได้ตามหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งจะเจอบ้านคนหรือหมู่บ้านทุกๆ 1-2 ชั่วโมง
อาหารเนปาลทานง่าย และไม่มีกลิ่นเครื่องเทศรุนแรง เมนูยอดนิยมจะมี ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัด ก๋วยเตี๋ยวน้ำ (มาม่าเกาหลีต้ม) โมโม่ (เกี๊ยวนึ่งพร้อมน้ำจิ้ม) Dal Bhat (ข้าวราดแกงสไตล์เนปาล) พิซซ่า พาสต้า ซึ่งสามารถสั่งทานได้ตามหมู่บ้านต่างๆระหว่างทางเทรคเช่นกัน แต่ชาวเนปาลจะทำอาหารค่อนข้างนาน โดยเฉพาะบนเขา จึงแนะนำให้สั่งเมนูเหมือนๆกันในมื้อกลางวัน เพื่อเป็นการประหยัดเวลา
ทุกทริปเทรคกิ้งจะมีลูกหาบช่วยบริการแบกสัมภาระ (ลูกหาบ 1 ต่อผู้เดินทาง 2 ท่าน) โดยจะจำกัดน้ำหนักของประเป๋าที่ให้ลูกหาบถือ (เป้หรือกระเป๋าหิ้ว duffle) ไม่เกิน 10 กิโลกรัมต่อท่าน โดยสัมภาระที่ให้ลูกหาบถือแนะนำให้เป็นของที่ไม่จำเป็นต้องนำออกมาใช้ในระหว่างวัน เนื่องจากลูกหาบอาจจะเดินล่วงหน้าหรือปิดท้ายขบวน ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ทิปลูกหาบ จำนวนที่แนะนำ วันละประมาณ 5 USD ส่วนทิปไกด์ แล้วแต่ความพึงพอใจในบริการ
ทริปเทรคกิ้งของ Nepal101 ไม่มีหัวหน้าทัวร์จากไทย จะมีทีมงานที่ประเทศไทยไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ คอยอำนวยความสะดวกเรื่องตั๋วเครื่องบินและการเช็คอิน เมื่อเดินทางถึงเนปาลจะมีไกด์ชาวเนปาลมารอต้อนรับ ซึ่งเป็นไกด์ที่มีใบอนุญาตนำเทรค และคุ้นเคยกับคนไทยเป็นอย่างดี สื่อสารภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
Joined Group กลุ่มรวมมีผู้ร่วมเดินทางกลุ่มละ 12-15 ท่าน (ุ6 ท่านยืนยันออกเดินทาง)
Private Group กลุ่มส่วนตัว สามารถจัดได้เมื่อมีผู้ร่วมเดินทาง 2 ท่านขึ้นไป เลือกวันออกเดินทางได้เลย
ผู้เดินทางควรออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง เน้นการออกกำลังกายแบบ cardio และการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน
ผู้เดินทางทุกท่านจะได้รับการคุมครองตามประกันที่บริษัทได้จัดทำไว้ คุ้มครองการรักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทาง (โดยไม่รวมถึงโรคหรืออาการที่เป็นมาก่อนและการบาดเจ็บจากการทำร้ายตนเอง)
กรณีที่เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินหรือมีอาการแพ้ความสูงจนไม่สามารถเดินทางต่อได้และแพทย์ประเมินว่าจะต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที ประกันที่ทำไว้จะครอบคลุมถึง Helicopter Rescue และการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ กรณีเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุเล็กน้อยหลังจากเทรค สามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลและเก็บใบเสร็จมาเบิกค่าสินไหมทดแทนได้เมื่อเดินทางถึงเมืองไทย
ส่วนกรณีที่ตัดสินใจว่าไม่ต้องการเดินทางต่อด้วยตนเอง และต้องการกลับลงมารอที่เมืองก่อน ทีมงานจะจัดลูกหาบให้ลงมาดูแลจนถึงในเมือง โดยค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหลังจากแยกตัวจากกลุ่ม จะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทางลูกค้าต้องรับผิดชอบเอง